|
|
|
|
|
|
|
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมมีหนึ่งรีวิวสุดพิเศษมาแชร์กับทุกคนอีกแล้ว! เป็นรีวิวระหว่างทริปที่ผมลงไปเที่ยว อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ของผมแล้วสำหรับจังหวัดนี้ คร่าวที่แล้วได้ผมได้ รีวิวแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในตัวอำเภอเมืองสงขลาไป คร่าวนี้เลยจะขอรีวิวอะไรใหม่บ้างๆ เลยมาจบที่ “11 ร้านอร่อย แนะนำให้มาลอง @ ถนนนางงาม อ.เมือง จ.สงขลา” นับว่าเป็นรีวิวพลีชีพมากเพราะผมต้องมาตะเวนทานทั้ง 11 ร้านถึง 2 วัน แต่มีความสุขน่ะ เพราะ ถ.นางงามเป็นถนนสายเก่าแก่ที่ทรงเสน่ห์มาก ไม่ว่าจะในเรื่องของวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ บ้านเรือนและบรรยากาศเก่าๆ ร่วมไปถึงอาหารการกิน ใครกำลังวางแผนมาเที่ยวสงขลาอยู่ … ไม่ควรพลาดรีวิวนี้ครับ!
ก่อนจะไปถึงเรื่องอาหาร เรามาทำความรู้จักกับถนนนางงามกันสักนิดครับ
ถนนนางงามเป็นถนนสายเก่าแก่ของ จ.สงขลา มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี แต่เดิมเรียกว่า “ถนนเก้าห้อง” เนื่องจากเริ่มแรกมีอาคารบนถนนสายนี้เพียง 9 คูหา หรือ 9 ห้อง และในปี พ.ศ.2478 จังหวัดสงขลา ได้จัดงานปีใหม่พร้อมกับจัดประกวดนางงามสงขลาขึ้น นางงามที่ชนะและได้เป็น “นางงามสงขลาคนแรก” นั้นก็อาศัยอยู่ ณ “ถนนเก้าห้อง” นับแต่นั้นมาคนสงขลาจึงเรียกถนนเส้นนี้ว่า “ถนนนางงาม”
อาคารบ้านเรือนบนสองฝากฝั่งถนนสายนี้ส่วนใหญ่เป็นจะห้องแถวไม้อายุนับร้อยกว่าปีสุดคลาสสิค เป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมจีนฮกเกี้ยนและชิโนโปรตุกีส (อารมณ์คล้ายๆกับย่านเมืองเก่าจ.ภูเก็ต) นอกจากบ้านเรือนที่สวยงามที่ควรค่าแก่การมาเดินชมแล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ขึ้นชื่อก็คือ ร้านอาหารครับ ที่มีให้เลือกชิมมากมายกว่า 30 ร้าน หลายๆร้านเป็นร้านเก่าแก่อายุใกล้ 100 ปี มีให้เลือกชิมทั้งของคาวและของหวานซึ่งวันนี้เราจะรีวิวหลายๆร้านที่น่าสนใจกัน
ตำเดือน: การมาตะเวนชิมอาหารย่านเมืองเก่า แนะนำให้มาช่วงเช้า – บ่าย เพราะร้านจะทะยอยปิดให้ช่วงบ่ายแก่ๆ
สองสามปีที่ผ่านมานี้ทางเทศบาลเมืองสงขลาได้จัดทำสตรีทอาร์ทสุดแนว ส่วนใหญ่จะเป็นภาพวาดฝาผนังตามกำแพงตึกเก่าๆไว้มากมายหลายจุด จนตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่ทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต้องมาตามเก็บตามถ่ายรูปด้วย
ถนนนางงามเป็นถนนสายเล็กๆ ครับ ทั้ง 11 ร้านในรีวิวนี้ตั้งอยู่ติดๆ กันหมดเลย ใช้เวลาเดินจากร้านหนึ่งไปร้านถัดไปในเวลาไม่เกิน 5-10 นาที ดังนั้นใครสนใจร้านไหน ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจอครับ (หากหาไม่เจอก็ถามคนแถวนั้นได้เลย คนในพื้นที่เขารู้จักทุกร้านดี)
ส่วนสตรีทอาร์ทก็จะแฝงตัวอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วถนนนางงามและถนนใกล้เคียง ผมไม่สามารถลงรายละเอียดพิกัดของแต่ละรูปได้ เพราะผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน ฮ่าๆ เลยแนะนำว่าใครมีเวลาก็ลองเดินตามหาไปเรื่อยๆได้ อารมณ์เหมือนเดินล่าลายแทงยังไงยังงั้น สนุกดีน่ะ และยังช่วยย่อยอาหารไปในตัว
ก่อนจะไปชิมร้านแรก หากใครจะตามรอยผมไม่ว่าคุณจะเดินทางมาถนนนางงามยังไง ขอให้มาเริ่มต้นที่หน้า “ร้านบ้านขนมไทยสองแสน” ครับ ซึ่งเป็นร้านขายขนมไทยพื้นเมืองเก่าแก่ของสงขลา เปิดมานานกว่า 60 ปี เป็นร้านแนะนำสำหรับใครที่มองหาของฝากติดไม้ติดมือกลับไป ขนมที่แนะนำคือ ขนมทองเอก, สัมปันนี, ข้าวฟ่างกวน, มะม่วงแช่อิ่ม และขี้มอด
จากร้านบ้านขนมไทยสองแสนเดินตรงออกไปทางขวานิดเดียวก็จะเจอร้านแรกอยู่ทางซ้ายมือ …
1. โรตีนางงาม ๑๑๑
ร้านโรตีธรรมดาแต่รสชาติไม่ธรรมดาเลย สำหรับผมโรตีของร้านนี้เป็นหนึ่งในโรตีที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยทานมา (ไม่ได้อวยนะ อร่อยจริงๆ) โดยเฉพาะแป้งโรตีที่เหนียวแต่นุ่มในคำเดียวกัน ทอดจนเหลืองกรอบกำลังดี พนักงานในร้านบริการเป็นมิตร โรตีราคาไม่แพง เฉลี่ยเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 25 บาท
ตัวร้านเป็นคูหาเล็กๆ มีโต๊ะให้เลือกนั่ง 3-4 โต๊ะกับเมนูโรตีเกือบ 20 เมนูในเลือกสั่ง เช่น โรตีใส่ไข่ โรตีใส่ชีส โรตีแกงกะหรี่ โรตีฝอยทอง โรตีไส้กรอกไก่ โรตีทิชชู่ และอื่นๆ ด้านหน้าร้านก็จะมีอาบังสุดหล่อนวดแป้งโรตีและทอดแผ่นต่อแผ่นด้วยท่าทางพิถีพิถัน
นอกจากโรตีที่นี้ยังมีชาชักรสด้วยน่ะ (ชาชักเหมือนจะใช้ชาเนสที รสชาจะนำ รสหวานจะตามอ่อนๆ คนชอบทานชาหวานๆไม่น่าจะชอบ แต่ผมไม่ชอบทานหวานเลยถูกใจ)
- โรตี ๑๑๑ – โรตีหั่นเป็นชิ้นๆ สี่เหลี่ยม โรยหน้าด้วยท็อปปิ้ง 3 อย่าง ผงโอวัลติน ช็อคโกแลต และนมสดลูกเกตุ แป้งโรตีเหนียวนุ่มและกรอบมาก ทานกับท็อปปิ้งทั้ง 3 อร่อยเพลินดีครับ
- โรตีหมูยอง พริกเผา ทำมาเป็นแผ่นกลมๆขนาดไม่ใหญ่มาก ท็อปปิ้งหมูหยองใส่มาให้เยอะมาก ดื่มพร้อมกับชาชัก ไปด้วยกันได้ดีเลย
ที่ตั้ง: 111 ถ.นางงาม อ.เมือง ต.บ่อยาง จ.สงขลา (แผ่นที่)
เวลาเปิด – ปิด: –
โทร: 085 958 2462
2. ไอติมยิว
ร้านที่ 2 เป็นร้านไอศครีมในตำนานของเมืองสงขลาเปิดมายาวนาวกว่า 80 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 (ผมยังไม่เกิดเล๊ย!) ร้านจะอยู่ตรงกันข้ามกับร้านโรตีนางงามครับ ข้ามถนนมาก็เจอเลย
บรรยากาศภายในร้านก็สุดแสนจะคลาสสิค (ไม่บอกก็เชื่อว่ามีอายุกว่า 80 ปี) มีโต๊ะไม้วางอยู่ 4 -5 มีถังไอติมอยู่หน้าร้าน กับภาพที่คุ้นตาของอาม่าค่อยบรรจงตักไอติมขึ้นมาจากถังให้ลูกค้าที่นั่งรอทานอย่างไม่เร่งรีบ
เมนูไอศครีมมีให้เลือกสั่งสองแบบครับ
- ไอติมธรรมดา (ราคา 20 บาท) : เป็นไอติมวนิลา 3 ลูกเล็กๆโรยผงไมโล
- ไอติมไข่แข็ง (ราคา 20 บาท) : ไอติมวนิลา 3 ลูกตอกไข่แดงราดลงไปพร้อมผงไมโล
สำหรับผมรสชาติก็ไม่ได้อะเมซิ่งขนาดนั้น แต่ก็เย็นชื่นใจ ช่วยดับร้อนระหว่างวันได้ดี ราคาไม่แพงอีกต่างหาก มากกว่านั้นคือความสุขเล็กๆของการได้ดื่มด่ำบรรยากาศ มองวิถีชีวิตของผู้คนเดินที่ผ่านมาผ่านไปหน้าร้าน
ที่ตั้ง: 120 ถ.นางงาม อ.เมือง ต.บ่อยาง จ.สงขลา (แผ่นที่)
เวลาเปิด – ปิด: 12.00 – 21.30 น.
3. ก๋วยเตี๋ยวในรู
ร้านก๋วยเตี๋ยวในรู (อยู่ถัดจากร้านขนมสองแสนไปทางขวามือนิดเดียว) ร้านเล็กๆอยู่ในซอก เป็นร้านที่ตกแต่งในสไตล์วินเทจย้อนยุค ประดับประดาด้วยสินค้าในบรรจุภัณฑ์สมัยก่อน โปสเตอร์เก่าๆ ผาพนังที่ก่ออิฐและสังกะสีเก่าๆ ใครชอบความวินเทจควรมาสัมผัสร้านนี้ (ร้านตกแต่งให้ดูเก่าแต่ข้างในนั้นสะอาดครับ)
เมนูของร้านนี้ก็เป็นเมนูก๋วยเตี้ยวก็มีให้เลือกครบครับ ไม่ว่าจะก๋วยเตี๋ยวไก่ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ หรือเย็นตาโฟ ในราคาไม่แพง และให้มาถ้วยใหญ่
- เส้นใหญ่เย็นตาโฟหนังหมู (ราคา 40 บาท) ไม่ค่อยเจอร้านที่ใส่หนังหมูในเย็นตาโฟเลยลองสั่งดู รสชาติเข้มข้น หวานหอมน้ำซุปต้มกระดูกหมู เพิ่มความอร่อยด้วยหมูสับแผ่นเนื้อหวานนุ่ม อร่อยดีครับ
เวลาเปิด – ปิด: 10.00 – 18.00 น.
โทร: 094 320 8765
4. ไอติมโอ่ง
ตรงกันข้ามกับร้านก๋วยเตี๋ยวในรูก็จะเป็น ร้านไอติมโอ่ง (ร้านไอติมเยอะจริงๆ) ร้านไอติมโอ่ง ค่อนข้างป๊อปปูล่าในหมู่เด็กวัยรุ่น โดยเฉพาะเด็กนักเรียนมัธยมครับ ช่วงเย็นๆวัยรุ่นเต็มร้านเลย บรรยากาศร้านก็ธรรมดาเป็นห้องแถวไม่ได้ตกแต่งหวือหวาแต่อย่างใด
ไอติมของทางร้านมีให้เลือก 2 ประเภทคือแบบ ไอศครีมแบบดั่งเดิม (ไอศครีมกะทิ) และไอศครีมลิ้นจี้
โดยสามารถเลือกสั่งท๊อปปิ้งได้ 6 แบบคือ ทรงเครื่อง (ใส่เครื่องโน้นนี้นั้น) ถั่วเขียว หวานครีม (ผสมเฮลบลูบอย) ยกล้อ (ใส่น้ำโค้ก) เรนโบว์ และ ใส่ไข่ ทุกเมนูเสิร์ฟมาในโอ่งดินเผาเล็กๆ ราคาไม่แพงครับอยู่ที่จะประมาณ 20 บาทเท่านั้นเอง (สามารถสั่งซื้อกลับบ้านได้ จะแถมโอ่งให้ด้วย)
เมนูที่ผมสั่ง
- ไอศครีมดั่งเดิมทรงเครื่อง (2o บาท) หอมหวานกะทิโรยหน้าด้วยผงโอวัลติน หวานเย็นชื่นใจดี
- ไอศครีมลิ้นจี้ยกล้อ (20 บาท) เมนูนี้รสชาติแปลกๆ ไม่ค่อยประทับใจ ทางร้านใส่น้ำแข็งและน้ำโค้กไว้ข้างใต้ แล้วใส่ไอติมข้างบน รสชาติจะออกซ่าๆ แต่เมื่อทานกับไอติมลิ้นจี้แล้วรสไม่เข้ากัน
** แนะนำว่าหากไม่อยากผิดหวังให้สั่งแบบดั่งเดิม หรือ ใส่ใข่ ครับ สองแบบนี้อร่อยที่สุดแล้ว (ชิมของเพื่อนมา)
- นอกจากไอติม ร้านยังขายลูกชิ้นปลาดทอดด้วย ไม้ละ 3 บาทเท่านั้นเอง ลูกชิ้นปลาทอดกรอบนอกนุ่มในทานกับน้ำจิ้มไก่อร่อยใช้ได้เลย
เวลาเปิด – ปิด: 11.00 – 19.00 น.
โทร: 074-315-594
5. ไอติมถั่วเขียวโบราณ บันหลีเฮง
เดินออกจากร้านไอติมโอ่งมา 5 ก้าว ก็จะพบกันร้านไอติมลำดับที่ 3 ของทริปนี้ มีชื่อว่า ร้านบันหลีเฮง ไอศรีมถั่วเขียวโบราณ เป็นอีกหนึ่งร้านไอติมเก่าแก่บนถนนนางงามม อายุอานามก็ปาไป 80 ปีแล้วเช่นกัน แรกเริ่มเดิมที่อาก๋ง และ อาม่า เดินทางมาจากเมืองจีนและมาขายไอติมที่ถนนนางงามโดยใช้สูตรที่นำติดตัวมาจากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีน และตอนนี้ร้านก็ส่งต่อมาที่รุ่นลูกรุ่นหลานแล้วนะครับ
แม้เวลาจะผ่านไปทางร้านยังคงรักษาสูตรการทำไอติมแบบดั่งเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง คือการใช้ถังไม้แบบเก่าในการปั่นไอศรีม และยังใส่ใจในขั้นตอนการเลือกถั่วเขียวที่จะมาต้มอย่างพิถีพิถัน เมนูไอติมของร้านมีให้เลือกหลายเมนู เช่น ไอติมไข่แข็ง ทรงเครื่อง ภูเขาไฟ หวานเย็นลิ้นจี้ ทรงเครื่องไข่แข็ง และ ไอติมถั่วเขียว
- ไอติมถั่วเขียวทรงเครื่อง (ราคา 20 บาท) (ปริมาณกับราคาไม่สมดุลกันเลย ให้ไอติมมาเยอะมากประมาณ 6 ลูกกับราคาเพียงแค่ 20 บาทเท่านั้น หากไม่ติดว่าอิ่มไปแล้ว จะสั่งเพิ่มอีก 2 – 3 ถ้วย) ถ้วยนี้บอกเลยว่าประทับใจมากกกก (มากกว่าร้านไอติมยิว และไอติมโอ่งอีก) เนื้อไอติมนุ่มละมุนลิ้น อบอวนไปด้วยรสความหอมหวานของกะทิสดและไข่ในระดับที่พอเหมาะ เมื่อทานพร้อมกับถั่วเขียวต้มที่ใส่มาให้แบบจัดหนักแล้วยิ่งเพิ่มความสดชื่นขึ้นไปอีก
- ชาร้อน (ราคา 25 บาท) เป็นชาร้อนที่ต้มในกาโบราณโดยใช้ถ่าน หอม หวาน กลมกล่อม เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำชา 1 แก้ว ใครไม่อยากทานไอติมก็สั่งชาร้อนมาจิบให้ชุ่มคอได้ครับ
ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ตรงข้ามศาลเจ้า ถนนนางงาม (แผ่นที่)
เวลาเปิด – ปิด: 12.00 – 21.30 น.
โทร: 074-315-594
6. ร้าน เกียด ฟั่ง ซาลาเปา สูตรโบราณ
เดินถัดไปจากร้านไอติมถั่วเขียวโบราณ บันหลีเฮง อีกประมาณ 10 ก้าวก็จะพบกับ “ร้าน เกียด ฟั่ง ซาลาเปา สูตรโบราณ” (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร้านสตูเกียดฟั่ง โดยข้าวสตูของร้านนี้ขึ้นชื่อมาก เจ้าของในสมัยแรก ทำงานอยู่บนเรือและได้สูตรการทำสตูมาจากกุ๊กในเรือฝรั่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ น่าเสียดายที่สตูเกียดฟั่งจะขายหมดตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว ประมาณ 07.00-13.00 น. วันนี้ผมมาถึงช่วงบ่ายก็เลยอดลอง) แต่ไม่เป็นไรมาลองซาลาเปาเกียดฟั่งแทนก็ได้
เกียด ฟั่ง ซาลาเปาจะเปิดขายตั้งแต่เวลา 12.00-20.00 น.ความว๊าวคือขนาดที่ใหญ่ยักษ์ขนาดเท่าฝ่ามือมาก ลูกใหญ่ ราคาเพียง 35 บาทเท่านั้น! มีหลายไส้ให้เลือกสั่ง ผมลองสั่งเป็นไส้หมูที่ข้างในอัดแน่นมาด้วยเครื่องต่างๆ เช่น หมูสับ กุนเชียง และไข่นกกระทา ลูกเดียวอิ่มคร้าบบ ใครอยากซื้อไปฝากคนที่บ้านก็ซื้อกลับไปได้นะเพราะซาลาเปาที่นี้สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้หลายวัน
ที่ตั้ง: 96 ถ.นางงาม ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา (แผ่นที่)
เวลาเปิด – ปิด: 12.00-20.00 น.
โทร: 074 311 998
7. ลูกชิ้นหมูนึ่ง (สูตรโบราณ) เจ๊โม้ยเจ้าเก่า
หม่ำซาลาเปาหมดแล้ว เดินตรงมาทางศาลหลักเมือง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยยะหริ่ง จะเจอร้านถัดไปของเราอยู่ตรงหัวมุมพอดิบพอดี “ลูกชิ้นหมูนึ่ง (สูตรโบราณ) เจ๊โม้ยเจ้าเก่า” มาถนนนางงามแล้วไม่ได้แวะทานลูกชิ้นหมูนึ่งร้านนี้ถือว่ายังมาไม่ถึงนะเธอ! ลูกชิ้นจะเป็นหมูสับปั้นเป็นก้อนกลมและนำไปนึ่ง เนื้อหวานหอมนุ่มเด้ง ทานกับซอสแดงสูตรลับ ราคาไม้ละ 10 บาทเท่านั้น
ที่ตั้ง: หัวมุมซอยยะหริ่ง ถนนนางงาม
เวลาเปิด – ปิด: –
โทร: –
8. ร้านป้าจวบ เถ้าคั่ว ก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมู
เดินตรงเข้ามาในซอญยะหริ่งอีกนิดเดียวกับจะพบกับร้าน “ร้านป้าจวบ เถ้าคั่ว ก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมู” เค้าว่ากันว่าเถ้าคั่วร้านนี้อร่อยไม่เป็นสองรองใครในสงขลา เป็นสูตรเก่าแก่ จะอร่อยจริงหรือมั่วมาพิสูจน์กันครับ!
บางคนอาจจะยังไม่รู้จักว่า เถ้าคั่ว คืออะไร? เถ้าคั่ว หรือ เต้าคั่ว เป็นอาหารโปรดของชาวสงขลาและจังหวัดใกล้เคียง เป็นเมนูที่ประกอบไปด้วยเต้าหู้แข็งทอด ผักบุ้งจีนลวกหั่นเล็กๆ ถั่วงอกสด แตงกวาหั่นบาง เส้นหมี่ลวก เลือดหมู หูหมูนึ่ง กุ้งชุบแป้งทอด ไข่เป็ดต้มแบบยางมะตูม ทานกับน้ำจิ้มรสเปรี้ยว เวลาทานก็คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน รสชาติหลักจะเป็นรสเปรี้ยวของน้ำจิ้ม ส่วนความอร่อยก็จะอยู่ที่ส่วนผสมต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นครับ
ป้าจวบกำลังทำให้ทานสดๆ เลย
สำหรับความอร่อยของเถ้าคั่วก็อยู่ที่กุ้งชุบแป้งทอดเหล่านี้แหละ เวลาทานแล้วกรุบๆกรอบๆ
- เถ้าคั่วป้าจวบ (ราคา 50 บาท) อร่อยสมคําร่ำลือ ให้เครื่องต่างๆมาเยอะมากๆ (สิ่งหนึ่งที่จะทำรสชาติของให้เถ้าคั่วเมนูดร๊อปลง คือหมูและผักที่ไม่สดครับ ทำให้รสจะออกคาวๆ) แต่จานนี้ทุกอย่างสดไม่มีกลิ่นคาว น้ำจิ้มเปรี้ยว แฝงมากับรสหวาน (บางร้านน้ำจิ้มจะไม่มีรสหวาน) ทานทุกอย่างพร้อมกันรสชาติกลมกล่อม
เวลาเปิด – ปิด: –
โทร: –
9. ร้านแต้เฮี้ยงอิ้ว (ร้านแต้)
อีกหนึ่งร้านเก่าแก่ประจำจังหวัดสงขลาที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ก็คือ ร้านแต้เฮี้ยงอิ้ว (ร้านแต้) เปิดให้บริการมายาวนานกว่า 78 ปีแล้ว เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2480 เป็นอาคารพาณิชขนาดสองคูหา ตั้งอยู่เยื้องๆกับร้านขนมสองแสง เป็นร้านสไตล์จีนๆ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นครอบครัวที่มาทานกันทั้งบ้าน ร่วมไปถึงอาก๋ง อาม่า (ที่น่าจะทานมาตลอดตั้งแต่สมัยหนุ่มสาว) การตกแต่งร้านก็ธรรมดาเป็นโต๊ะไม้ประมาณ 15 โต๊ะ จัดเรียงเป็นแถวๆอย่างมีระเบียบ
ร้านแต้ให้บริการอาหารจีนแต้จิ๋วและอาหารไทย ทั้งนี้คนแต้จิ๋วพื้นเพเดิมที่มาจากเมืองจีนซัวเถาซึ่งอยู่ติดกับทะเล ดังนั้นอาหารจีนแต้จิ๋วหลายเมนูจะเป็นเมนูอาหารทะเล โดยวัตถุดิบส่วนใหญ่ก็ได้มาจากชาวประมงในพื้นที่ รับมาวันต่อวัน จึงไม่ต้องสงสัยในความสด (อีกหนึ่งข้อได้เปรียบของจังหวัดสงขลา คือ เป็นเมืองสองทะเล มีทั้งทะเลสาบน้ำจืดและทะเลน้ำเค็ม ซึ่งรวมกันเป็นน้ำกร่อย ดินโคลนก็น้อยกว่าทางตอนบนของอ่าวไทย ทำให้รสชาติของเนื้อปลาทางฝั่งสงขลา ปัตตานี นราธิวาส จะไม่มีกลิ่นดินโคลนและเนื้อจะหวานมัน)
เมนูส่วนใหญ่จะเป็นเมนูผัดๆ ทอดๆ สไตล์จีนๆครับ รสชาติจะออกกลางๆ ไม่จัดจ้านเหมือนทานที่ร้านอาหารไทย ราคาตกอยู่ที่จานละ 100 – 200 บาท
ผมว่าครอบครัวเชื้อสายจีนน่าจะชอบแหละ ส่วนผมที่ชอบทานอะไรแบบเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ เลยค่อนข้างเฉยๆ
เมนูที่สั่ง
- ต้มยำแห้งปลากะพง (ราคา 100 บาท) ด้วยความที่อยากทานอะไรแซ่บๆ เลยลองสั่งเมนูนี้ดูนี้ เป็นเนื้อปลากะพงหั่นเป็นลูกเต๋าขนาดใหญ่ นำมาทอดแล้วผัดกับน้ำต้มยำสูตรของทางร้าน (ไม่ใช่ต้มยำกุ้งแบบที่เราทานๆ กันนะ รสจะออกเปรี้ยวๆหวานๆ ข้นๆ) ผัดจนน้ำแห้งขลุกขลิก รสชาติอร่อยและแปลกดีครับ
- ยำมะม่วง (ราคา 50 บาท) เป็นเมนูแนะนำและก็เห็นทุกโต๊ะสั่งเช่นกัน มะม่วงเบาหั่นละเอียดบางๆ ปรุงรสด้วยเครื่องยำรสชาติเปรี้ยวแซ่บ โรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ หมึกกรอบ และกุ้งแห้งป่น เปรี้ยวชื่นใจ
ที่ตั้ง: 85 ถ.นางงาม ต.บ่อยาง. อ.เมือง จ.สงขลา (แผ่นที่)
เวลาเปิด – ปิด: 11.30 – 14.00 น. และ 15.00 – 20.00 น.
โทร: 074 311 505
9. ร้านสะเต๊ะ นางงาม
เดินออกมาจากร้านแต้แล้วเลี้ยงขวาไปทางถนนปัตตานี จะพบกับ ร้านสะเต๊ะ อยู่ตรงหัวมุมถนนนางงามที่ตัดกับถนนปัตตานี ไม่เชิงเป็นร้านหรอกแต่เป็นโต๊ะขายสะเต๊ะธรรมดา เดินผ่านแล้วได้กลิ่นหอมเย้ายวนเหลือเกินเลยซื้อใส่ถุงกลับไปทาน ราคาไม้ละ 3 บาท เนื้อหมูย่างจนนุ่มหอมกลิ่นเครื่องเทศ แต่ที่ชอบที่สุดคือตัวน้ำจิ้มครับ ปรกติที่เคยทานมาน้ำจิ้มก็จะได้รสหวานๆออกกลิ่นเครื่องเทศนิดหน่อย แต่ของเจ้านี้รสและกลิ่นเครื่องเทศมาเต็ม และครบรสทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยว มัน โอเคอยู่น่ะไม่เสียดายเงิน
เวลาเปิด – ปิด: ช่วงเย็นๆ
โทร: –
10. ร้านเจ๊นิ ข้าวต้มปลา-บะหมี่เกี๊ยว
อีกหนึ่งร้านดังที่ขอแนะนำเลย เพราะผมประทับในรสชาติอาหารร้านนี้มาก คือ ร้านเจ๊นิ! ร้านเจ๊นิขึ้นชื่อเรื่องเมนูข้าวต้มปลากะพงและเมนูบะหมี่ครับ ร้านตั้งอยู่บนถนนรามัญ กลางซอยระหว่างถนนนางงามและถนนนครใน บรรยากาศร้านแสนจะธรรมดาแต่ลูกค้านั้นแน่นขนัด! ตอนสั่งอาหารก็สะดุดตากับป้ายขนาดใหญ่บอกว่าทางร้านไม่ใส่ผงชูรสและใช้น้ำมะนาวสดเท่านั้น!
- ข้าวต้มปลากระพง (ราคา 50 บาท) ให้เนื้อปลากระพงมา 2 ชิ้นใหญ่ๆ เนื้อแน่น และที่สำคัญคือสดมากไม่มีกลิ่นคาว เนื้อหวานหอม ส่วนข้าวต้นนั้นก็อร่อย มีดีที่น้ำซุปกระดูกหมูที่ผ่านการเคี้ยวมายาวนานทำให้น้ำหวานและหอม แนะนำว่าไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มครับ ไม่เช่นกันมันจะมากลบกลิ่นของปลาและความหวานของน้ำซุป
- วุ้นเส้นแห้งต้มยำ (ราคา 50 บาท) วุ้นเส้นลวกปรุงกับเครื่องต้มยำทานกับหมูแดงชิ้นใหญ่ ที่ให้มาเยอะมาก ลูกชิ้นปลาและเครื่องใน รสชาติข้มเข้นหวาน เปรี้ยว เผ็ด ประทับใจครับ!
- หมี่ซั่วกระดูกหมูแห้ง (ราคา 80 บาท) เฮ้ยไม่เคยพบเคยเจอร้านไหนให้กระดูกหมูชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ที่สำคัญให้เยอะถึง 4 ชิ้น เนื้อกระดูกหมูต้มจนเปื่อยนุ่มให้ลิ้นเลาะเนื้อออกมาได้เลย ผสมคลุกเคล้ากับหมี่ซั่วและเครื่องปรุง โอ้ อร่อยสุดๆๆ (อ่อ ทานเสร็จแล้วไม่หิวน้ำครับ ท่าจะจริงที่บอกว่าไม่ใส่ผงชูรส)
ที่ตั้ง: ถนนรามัญ สงขลา (กลางซอยรามัญ)
เวลาเปิด – ปิด: 15:00 – 22:00 น.
โทร: –
11. ร้านเลิศเบเกอรี่
หนึ่งในร้านขนมขิ้นชื่อของเมืองสงขลา ก็คือ ร้านเลิศเบเกอรี่ เมนูที่พลาดไม่ได้ก็คือ ขนมไข่ใส่เนย เริ่มแรกจะใช้เป็นเตาถ่านแต่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นเตาไฟฟ้าแล้ว (สาขาที่ยังใช้เตาถ่านจะอยู่ที่หน้าเซเว่นตรงข้ามกับองค์การโทรศัพท์) ความอร่อยของขนมไข่อยู่ที่เนยที่ใช้ทำขนมครับ โดยทางร้านจะใช้เนยแท้ 100%
หากได้ทานตอนที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ แล้วจะยิ่งอร่อย เนื้อแป้งจะเยิ้มด้วยเนยอุ่นๆ ราคาอยู่ที่ถุงละ 30 บาท
ที่ตั้ง: สี่แยกถนนพัทลุง ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา
เวลาเปิด – ปิด: 07:00 – 21:00
โทร: –
(เพิ่มเติม) Lyn’s The Shanghai Cafe
Lyn’s The Shanghai Cafe เป็นร้านอาหารสไตล์คาเฟ่แฝงตัวอยู่บน ถ.นครใน ในบ้านเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาล 3 โน้น จึงไม่แปลกที่คาเฟ่แห่งนี้บรรยากาศมันสุดคลาสสิคและชวนให้เข้าไปค้นหาสุดๆ ภายในร้านแบ่งออกเป็น 2 โซนครับ คือ โซนอินดอร์ ติดแอร์เย็นฉ่ำบนฝาผนังมีภาพวาดต่างๆ สะท้อนวิถีชีวิตของผู้ชนในย่านนี้ ถัดไปเป็น โซนกึ่งเอ้าดอร์ ที่จะโปร่งโล่งกว่า และมีสวนเล็กๆ อยู่ถัดออกไปอยู่กลางบ้าน การตกแต่งนั้นทางร้านพยายามจะรักษาส่วนเดิมของบ้านไว้ซึ่งมีกลิ่นอายจีนๆ ผสมอยู่ไว้ให้มากที่สุด
ที่นี้มีทั้งเมนูเครื่องดื่ม อาหารคาวและหวาน ไทยและฝรั่งให้เลือกสั่งครับ โดยร่วมแล้วสิ่งที่ผมชอบคือบรรยากาศของร้านซึ่งชิลและน่านั่งมากๆ มีฟรีไวไฟ และมีมุมให้ถ่ายรูปชิคๆ เยอะด้วย ส่วนราคานั้นหากเทียบกับร้านรอบๆ นั้นค่อนข้างสูงกว่า แต่บรรยากาศ หน้าตาและคุณภาพอาหารนั้นถือว่าชดเชยกันได้ฮ่ะ
ที่ตั้ง: ถนนนครใน อ.เมืองสงขลา (ถัดจากก๋วยเตี๋ยวเนื้อนครใน อยู่ด้านซ้ายมือ)
เวลาเปิด – ปิด: 9.00 – 22.00 น. (ร้านปิดทุกวันอังคาร)
โทร: 083-2439977
หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์กับใครหลายๆคนนะครับ
ทริปสงขลาคร่าวหน้าแนะนำว่าหาเวลาไปเดินเล่นแถวย่านเมืองเก่าจสงขลาดูนะครับ
แล้วคุณจะหลงรักสงขลามากขึ้น