|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
วันหยุดทีไรไม่วายต้องได้ไปพัทยาหรือหัวหินทุกที! จนคิดกันว่า เอ๊ะ! ทำไมเราไม่ลองไปจังหวัดอื่นดูบ้าง? จนมาจบที่ #จันทบุรี เพราะขับรถจากกรุงเทพใกล้ๆ 3-4 ชม.ก็ถึงแล้ว และก็นับได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีครบทั้งทะเล ภูเขา น้ำตกสำหรับสายธรรมชาติ หรือจะเป็นย่านเมืองเก่า คาเฟ่สวยสำหรับคนชิคๆ และแน่นอนว่ามีร้านอาหารทะเลสดๆให้ทาน
ปักหมุดเลือกจังหวัดได้แล้ว ก็ต้องเลือกที่พักต่อ เราลองเสิร์ชๆรีวิวโรงแรมดู จนมาเจอ Peggy’s Cove Resort (เพ็กกี้ โคฟ รีสอร์ท) ที่แค่ได้ดูรูปแว๊บแรก พวกเราก็พูดกันเป็นเสียงเดียวว่า “น่าร๊ากกก” ไม่คิดนาน สวย น่ารัก คิ้วท์ๆ แบบนี้ไม่ไปเช็คอินไม่ได้แล้ว
Peggy’s Cove Resort เป็นบูติกรีสอร์ทตั้งอยู่บริเวณหน้าหาดคุ้งวิมาน (มีถนนคั่นระหว่างรีสอร์ทและชายหาดอยู่นิดเดียว) หากขับมาจากกรุงเทพจะถึงรีสอร์ทก่อนถึงตัวเมือง ความเก๋ไก๋คือธีมของโรงแรมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้านชาวประมงริมชายฝั่งอันสวยงาม ชื่อว่าหมู่บ้าน Peggy’s Cove ประเทศแคนาดา
ขอบอกเลยว่าเค้าเล่นใหญ่จริงๆ เพราะตัวอาคารและบ้านพักทั้งหมดภายในรีสอร์ทนั้นออกแบบได้สวยงามไปในสไตล์เดียวกัน ไม่หลุดธีม รวมไปถึงการออกแบบแลนด์สเคปที่มีการสร้างทะเลสาบจำลองไว้กลางรีสอร์ท จนทำให้เรารู้สึกราวกับว่าตัวเองหลุดไปในหมู่บ้านชาวประมงจริงๆ
Lobby
แค่ล็อบบี้ก็อลังการงานสร้างแล้ว เป็นการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโบสถ์ที่เมือง Peggy’s Cove ข้างในตกแต่งได้สวยงามน่ารัก มีความพาสเทลและมินิมอล แฝงไว้ด้วยความรู้สึกอบอุ่น พนักงานทักทายด้วยรอยยิ้ม นำเวลคัมดริ้งมาเสิร์ฟ และแนะนำรีสอร์ทให้เราฟังคร่าวๆ จากนั้นเมื่อทุกคนได้รับคียการ์ดแล้ว พนักงานก็นำเราไปขึ้นรถกอล์ฟขับไปส่งที่ห้องพัก
บนผนังมีรูปถ่ายของสถานที่จริง Peggy’s Cove ให้ชมด้วย
Fishermen Village
โซนห้องพักจะอยู่หลังอาคารล็อบบี้ไปเป็นแนวยาว สำหรับคนที่ได้ห้องพักบริเวณด้านหลังก็ไม่ต้องกังวลเพราะทางรีสอร์ทมีรถกอล์ฟบริการ แต่ความจริงแนะนำให้เดิน เพราะสองข้างทางมีมุมถ่ายรูปสวยๆเพียบ และไม่ได้เดินไกลเล๊ย จากข้างหน้าไปข้างหลังใช้เวลาเดินไม่เกิน 5 นาที
แลนด์สเคปถูกออกแบบให้เหมือนกับเป็นหมู่บ้านชาวประมงจริงๆ โดยมีทะเลสาบอยู่ตรงกลางและมีสะพานไม้เหนือน้ำให้เราเดินข้ามไป มีเรือเป็นพร๊อพถ่ายรูปเก๋ๆ
รอบๆทะเลสาบนั้นรายล้อมไปด้วยบ้านหลังสีสันสดใส ให้อารมณ์เหมือนบ้านลูกกวาดในการ์ตูนยังไงยังงั้น
Rooms
ห้องพักถูกออกแบบสไตล์ cottage หรือ กระท่อมเล็กๆ (ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าห้องพักที่อยู่ในตึก) ภายในตกแต่งเรียบง่ายสไตล์ตะวันตก เน้นโทนสีขาวและครีม มีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยครบ ไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้า น้ำอุ่น ทีวี ตู้เย็นขนาดเล็ก อ่างอาบน้ำและระเบียงส่วนตัว ทุกห้องพักจะถูกตั้งชื่อตามสายพันธุ์ปลา
ห้องพักมีเพียง 38 ห้อง และแบ่งออกเป็น 4 ประเภท
Deluxe เป็นห้องพักระดับเริ่มต้น ห้องพักจะอยู่ในบ้านหลังใหญ่ (1 หลังมี 2 ชั้น ประกอบกันด้วย 4 ห้องย่อย) สามารถรีเคส connecting room ได้ หากมาด้วยกัน มีพื้นที่ 45 ตรม.
Deluxe Pool-Access มีพื้นที่ 45 ตรม. ห้องประเภทนี้จะอยู่บริเวณริมสระว่ายน้ำ ออกมาจากห้องก็สามารถเดินลงน้ำสระว่ายน้ำได้เลย
Deluxe Jacuzzi Villa มีพื้นที่ 50 ตรม. ความพิเศษคือห้องน้ำจะมีอ่างจากุชชี่ หันหน้าออกไปยังทะเลสาบ มีหลังคาและกระจกด้านข้างเป็นแบบใส ดูหรูหรา แช่น้ำไปชมวิวทะเลสาบไป
Grand Deluxe Pool Villa คือห้องขนาดใหญ่และหรูหราที่สุด มีพื้นที่ 60 ตรม. มาพร้อมห้องนั่งเล่น สระว่ายน้ำขนาดย่อม และสวนส่วนตัว
Deluxe Room
ห้องที่เราเลือกพักในครั้งนี้คือ Deluxe แม้จะเป็นห้องระดับเริ่มต้น แต่ก็หรูหราและกว้างขวางเพียงพอแล้วสำหรับการเข้าพัก 2-3 คน สามารถเลือกเป็นเตียง King หรือ Twin ได้ แถมยังมีเดย์เบดไว้ให้นั่งเล่น นอนเล่นชิลล์ๆด้วย เตียงนุ้ม … นุ่มหลับสบาย
ห้องน้ำใหญ่ สว่าง สบายตา และไม่อึดอัด แบ่งเป็นโซนแห้งและเปียก มีน้ำเย็นและน้ำอุ่นให้เปิดผสมกัน มีแชมพู่และสบู่ให้
ทุกห้องมีอ่างอาบน้ำ (กระจกในห้องน้ำสามารถเลื่อนมู่ลี่ลงเพื่อปิดได้ คนข้างในห้องน้ำจะเห็นด้านนอก แต่คนด้านนอกจะไม่เป็นคนด้านใน)
อีกหนึ่งความน่ารักคือทุกห้องจะมีลำโพงเซลามิก เป็นลำโพงขยายเสียงธรรมชาติ แค่เอามือถือไปเสียบก็ใช้ปาร์ตี้กันได้ในห้องเลย รับรองเสียงดังฟังชัด ใครชอบก็สามารถซื้อกลับบ้านได้ เค้ามีขายที่ล็อบบี้
Pools
สระว่ายน้ำ (ที่แขกทุกคนสามารถลงเล่นได้) มี 2 สระด้วยกัน สระแห่งแรกจะอยู่บริเวณทะเลสาบ อันนี้จะไม่ใช่สระว่ายน้ำแบบปรกติ เพราะทางโรงแรมสร้างจำลองให้เหมือนกับทะเลสาบ
ใครอยากว่ายในสระจริงๆ ก็มาเล่นตรงสระด้านหน้าโรงแรมได้ จากมุมนี้สามารถเห็นวิวทะเลและวิวพระอาทิตย์ได้ด้วย
พูลบาร์ติดกับสระชื่อว่า BAMBOO BAR จะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ม็อกเทล ค็อกเทลให้บริการ และที่น่ารักคือช่วงเย็นๆมีฟรีไอศครีมให้กับแขกทุกคนที่เข้าพัก 1 โคน/ท่าน
Sunset
ชอบมาก สวยมาก วิวพระอาทิตย์ตกของหาดคุ้งวิมานคือเดอะเบส! เป็นพระอาทิตย์แบบเต็มดวง ลูกกลมโต แถมชายหาดยังโล่งสบายตา ไม่มีสิ่งก่อสร้างหรือร่มหาดชายมาบดบังความสวยงาม
สำหรับใครที่มากับคนพิเศษและอยากจะหาอะไรเซอร์ไพรส์เค้า ทางโรงแรมมีบริการซุ้มดินเนอร์แบบ Private ให้จองด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามุมที่โรงแรมจัดให้สามารถนั่งทานไปชมวิวพระอาทิตย์ตกไปได้ ราคา 1,900 บาท จะได้ชุดซีฟู้ด DIY และไวน์
Light House Bar & Grill
ห้องอาหารแบบ All-day dining ของรีสอร์ท สร้างให้เหมือนกับบ้านริมทะเลเก๋ๆ ตัวร้านหันหน้าออกไปสู่ชายหาด เห็นวิวสวยๆของหาดคุ้งวิมาน ให้บริการอาหารไทย เอเชียน และตะวันตก ใครอยากทานอาหารทะเล ทางร้านก็มีหลายเมนูที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นสดใหม่ ในราคาไม่แรงให้สั่งด้วย เปิดให้บริการ 07.00 – 21.00 น. ทุกวัน
ภายในร้านอาหารตกแต่งได้ด้วยน่ารัก จนเรานึกว่ากำลังอยู่ร้านอาหารในห้างเมืองกรุงฯ (แต่นี่จันทบุรีเอง)
เราลองสั่งทาน 4-5 เมนู รสชาติโอเคเลย เมนูที่ควรเผ็ดรสจัดก็ปรุงออกมาจัดจ้านถึงใจ
Breakfast
ห้องอาหารเช้าจะอยู่ที่ชั้น 2 ของร้านอาหาร Light House Bar & Grill (แต่แยกทางเข้ากันเป็นสัดส่วน) ให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์ แม้จะไม่ได้เยอะอลังการแต่ก็มีครบและเพียงพอสำหรับมื้อเช้า ความประทับใจของเราขอยกให้กับ “ข้าวต้มปลากะพง” ที่ให้ปลากะพงมาเป็นชิ้นใหญ่ๆ ไม่เคยเจอโรงแรมไหนให้ชิ้นใหญ่และเยอะแบบนี้
เมนูอื่นๆในวันนั้น มีไก่ต้มต้มกระวาน เส้นจันท์ผัดปู สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม เบคอน สลัด วาฟเฟิล ขนมปัง ผลไม้ โยเกิร์ต นม น้ำสมุนไพร และน้ำผลไม้ เรียกว่าอิ่ม ครบ อร่อยจ้า
Coffee Cove
ก่อนเช็คเอาท์เดินทางกลับกรุงเทพฯ เราก็ขอเติมคาเฟอีนกันสักนิด ที่คาเฟ่ด้านหน้าของโรงแรม หันหน้าออกทะเลเหมือนกัน ชื่อว่า Coffee Cove ร้านตกแต่งหน้ารัก มีมุมถ่ายรูปชิคๆให้โพสท่าสวยๆหลายจุด ให้บริการเครื่องดื่ม ชา กาแฟ และของหวานมากมาย และยังมีหอคอยประภาคารให้เราขึ้นไปชมวิวหาดคุ้งวิมานแบบมุมสูงได้ด้วย
ื
ที่อยู่: หาดคุ้งวิมาน, 44 หมู่ 7, ต.สนามไชย อ.นายายอาม จ.จันทบุรี 22170
โทร: 039-460345, 061-4054499
อีเมล์: info@peggyscoveresort.com
เว็บไซต์: www.peggyscoveresort.com