|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ใครอยากใช้เวลากับครอบครัวหรือคนพิเศษในวันอาทิตย์สบายๆ หนึ่งในกิจกรรมพิเศษที่เราอยากแนะนำก็คือ การรับประทานอาหารมื้อพิเศษร่วมกัน เพราะนอกจากจะได้มีเวลาพูดคุยกันระหว่างมื้ออาหาร การได้ทานอาหารอร่อยๆ ยังถือเป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่งของชีวิต … เห็นด้วยไหมครับ? วันนี้ทีมงานรีวิวอร่อยก็เลยมีหนึ่งมื้ออาหารสุดพิเศษ ในราคาสุดคุ้มค่าคุ้มราคามาแนะนำ กับบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวัน Sunday Brunch ของห้องอาหาร Amaya Food Gallery ชั้น 4 ของโรงแรมอมารี อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพ
⏰ Sunday Brunch มีให้บริการทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลาตั้งแต่ 12.00 – 15.30 น.
ห้องอาหาร Amaya Food Gallery เป็นห้องอาหารแบบ All Day Dining ของโรงแรมอมารี ด้วยคอนเซ็ปท์ที่ค่อนข้างชัดเจน คือการจำลองบรรยากาศความเป็นสตรีทมาร์เก็ตของเอเชียมาไว้ด้วยกัน ผ่านการตกแต่งในโทนสีจัดจ้าน อบอวลด้วยกลิ่นอายความเป็นเอเชีย
ภายในห้องอาหารจะมีทั้งหมด 6 สเตชั่นอาหาร ได้แก่ อมาญาไทย+จีน อมาญากริลล์ อมาญาอินเดียน อมาญาเดลี่ อมาญาอิตาเลี่ยน และ อมาญาทรีตส์ โดยแต่ละสเตชั่นและโซนที่นั่งรอบๆ จะตกแต่งแตกต่างกันตามสไตล์ของชาตินั้นๆ ไม่ซ้ำกัน บรรยากาศโดยรวมนั้นสวยงาม และน่าจะตื่นตาตื่นใจสำหรับใครที่เพิ่งมาทานเป็นครั้งแรก สำหรับผมที่นี้น่าจะเป็นห้องอาหารของโรงแรมที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดและตกแต่งได้สวยงามแปลกตาทึ่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ (ใหญ่จนหลังๆ ผมขี้เกียจเดินไปเลย ฮ่าๆ)
ห้องอาหารมีลักษณะเป็นห้องขนาดใหญ่ยักษ์ โดยพื้นที่ตรงกลางจะเป็นเพดานสูงที่ลากยาวขึ้นมาจากล๊อบบี้และสูงเลยขึ้นไปชั้นข้างบนอีก โดยมีโคมไฟไปลักษณะเป็นสายฝนห้อยระห้ายาวลงมาในโทนสีคริสตรัล
Amaya Sunday Brunch Highlights
หลายท่านอาจะสงสัยว่าหากต้องต้องจ่ายถึง 1,500 บาท ++ ต่อท่าน จะคุ้มไหมนะ … กับมื้อ Sunday Brunch มื้อนี้? เรากล้าบอกได้เลยว่า “คุ้ม” ครับ นอกเหนือจากบรรยากาศของห้องอาหารที่ตกแต่งออกมาอย่างสวยงามตระการตาไม่เหมือนที่ไหน คุณภาพและความสดใหม่ของอาหารที่นำมาเสิร์ฟก็อยู่ระดับพรีเมี่ยม เมนูอาหารไฮไลท์เด็ดๆ ของมื้อนี้จะมีอะไรบ้างมาชมกันเลย
Maine Lobsters
เริ่มจากพระเอกของเราก็ต้องยกให้ Maine Lobster ตัวโต เนื้อหวานฉ่ำ (*ล็อบสเตอร์สามารถสั่งได้ ครึ่งตัว/ท่าน) มี 3 แบบให้เลือกสั่งด้วยกันคือ ต้ม ย่าง และอบชีส โดยทางร้านจะทำออเดอร์ต่อออเดอร์ เสิรฟ์ร้อนๆ ทุกจาน ทานกับซอส 3 แบบ คือ ซอส XO (ซอสซี้ฟู้ดสไตล์ฮ่องกง เผ็ดนิดๆ แนะนำให้ทานกับแบบต้มหรือย่าง) ซอสไวน์แดง (แนะนำให้ทานกับแบบอบชีส) และซอสเปปเปอร์คอร์น (แนะนำให้ทานกับแบบย่าง)
เริ่มจากจานโปรดของผม เมน ล็อบสเตอร์ อบชีส เสิร์ฟอุ่นๆ ชีสอุ่นเยิ้มผสานเข้ากับเนื้อล็อบสเตอร์ที่สดหวานฉ่ำเข้ากันได้เป็นอย่างดี
สำหรับใครที่อยากสัมผัสความหวานฉ่ำของเนื้อล๊อบสเตอร์แบบไม่เน้นการปรุงแต่ง ก็ต้องจัด ล็อบสเตอร์แบบต้ม
ล็อบสเตอร์แบบกริลล์ ย่างไฟกำลังดี ทำให้เนื้อนุ่มกรอบ และไม่แห้งจนเกินไป หอมกลิ่นกริลล์อ่อนๆ เย้าย้วนใจสุดๆ
Amaya Deli Station
สำหรับคออาหารทะเลที่รักการทานกุ้ง หอย ปู ปลา รวมไปถึงซูชิและซาซิมิ ผมขอแนะนำว่า เวลาโทรไปจองโต๊ะให้รีเควสโต๊ะใกล้ๆ สเตชั่น อมาญาเดลี่ เพราะจะสามารถเดินตักได้อย่างสะดวก โดยไฮไลท์คือ ซีฟู้ดออนไอซ์นานาชนิด เช่น ก้ามปูอลาสก้า ปูม้า หมึก หอยแมลงภู่ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยแครงลวก หอยหลอด และหอยนางรมเกาหลี ส่วนมุมอาหารญี่ปุ่นก็จะมีซูชิ ปลาแซลมอน ปลาซาบะ หมึก ไข่หวาน และปูอัด รวมไปถึงอาหารแบบโคลด์ คัทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ชีสนานาชนิด แซลม่อนรมควัน พาร์ม่าแฮม และแฮมอื่นๆ แถมยังมีมุมสลัดอีก! ไม่ต้องแปลกใจเลยหากสเตชั่น อมาญาเดลี่ จะเป็นสเตชั่นที่ป๊อปปูล่าและครึกครักที่สุดของห้องอาหาร
มุมปลาดิบครับ มีปูอัด ปลาซาบะดอง แซลมอน และไข่หวาน
ในส่วนของน้ำจิ้มและซอสนั้น ผมประทับใจมาก เพราะมีให้เลือกลองหลากหลาย ทั้งสไตล์ไทยและเทศ รวมไปถึงพวกเครื่องเคียงต่างๆ เช่น กระเทียม หอมเจียว และมะนาว
Amaya Market Grill
อีกหนึ่งสเตชั่นโปรดของผมขอยกให้กับ อมาญา มาร์เก็ต กลิลล์ หรือ สเตชั่นบาร์บีคิว โดยจะมีเซฟประจำสเตชั่นปิ้งย่างให้ลูกค้าออเดอร์ ต่อ ออเดอร์ เวลาสั่งก็แค่บอกเลขโต๊ะและบอกจำนวนเนื้อที่ต้องการสั่ง จากนั้นพนักงานก็จะทำให้และนำไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ไฮไลท์ของตรงนี้ก็จะแบ่งเนื้อเป็น 2 พวกคือพวกซี้ฟู้ด เช่น กุ้งแม่น้ำ กั้ง หมึก แซลมอน และพวกเนื้อ เช่น เนื้อสันนอกและสันใน ซี่โครงแกะ และเนื้อหมู ใครอยากได้สุกน้อย สุกมาก ก็แจ้งพนักงานตอนสั่งไปได้เลย เซฟที่นี้จัดให้ได้ตามรีเควส
ที่ อมาญา มาร์เก็ต กลิลล์ นอกจากเมนูสเต็กก็ยังมี อาหารสไตล์ตะวันตก อยู่ด้วย 4 -5 อย่าง เช่น Roasted pumpkin, Corn on the cob, Roasted pork neck และ Beef stew
Amaya Thai & Chinese Station
โซนนี้จะให้บริการอาหารไทยเป็นหลัก มีกับข้าวอุ่นร้อน ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปแต่ละวัน วันนี้มีปลาผัดพริกเผา หมูผัดขิง ผัดผัก ข้าวผัด ต้มยำกุ้ง ไส้กรอกทอด ผัดไทย และโซนอาหารอีสาน คือสัมตำและเมนูยำต่างๆ โดยจะมีเซฟรอตำส้มตำแบบครกต่อครกให้บริการอยู่ด้วย อีกมุมหนึ่งก็จะมีอาหารจีน พวกขนมจีบ ซาลาเปา ติ่มซำ ข้าวหมูแดง และข้าวหมูกรอบ การตกแต่งของโซนนี้ก็จะมีความเป็นไทยแบบ retro ผสมอยู่หน่อยๆ ด้วยการใช้ภาพโปสเตอร์โปรโมทภาพยนต์ยุคเก่ามาประดับ
เมนูห้ามพลาด! หมูแดง หมูกรอบ หมูย่าง ดีงามมากๆๆ
ซาลาเปาและติ่มซําก็มี
มุมผัดไทย DIY สามารถแจ้งเซฟได้เลยว่าอยากใส่อะไร รสชาติแบบไหนสำหรับเมนูผัดไทย เพราะเซฟจะทำให้ตามออร์เตอร์ไม่ได้ทำเตรียมไว้
Amaya Indian Station
ตรงตามชื่อครับ สำหรับใครที่ชอบทานอาหารอินเดียที่นี้ก็มีน่ะ! กับหลากหลายแกงรสชาติจัดจ้านสไตล์อินเดีย ทานกับโรตีหรือแป้งนานที่อบสดใหม่จากหลุมอบหลังสเตชั่น รับรองว่ารสชาติออริจินอลโดยเซฟอิมพอร์ตจากอินเดียเลยน่ะ
Amaya Italian Station
อิตาเลี่ยน สเตชั่นก็จะเอาใจชาวต่างชาติ กับ เมนูฟัวกราส์ พาสต้า สปาเก็ตตี้ซอสนานาชนิด พิซซ่าโฮมเมตที่อบๆ สดจากเตาถาดต่อถาด ผักย่าง รวมไปถึงแอนตี้ พาสโตต่างๆ แฮม และซาลามี่
Amaya Treat Station
ทานจนอิ่มหนําสําราญ ก็อย่าลืมเหลือพื้นที่ในท้องไว้สำหรับของหวานน่ะครับ เพราะที่ Amaya Treat นั้นมีกองทัพขนมหวานนานาชนิดให้เราได้ทานกันอย่างฟิน ไม่ว่าจะเค้ก พาย ทาร์ตสไตล์ต่างๆ ช็อกโกแลตฟองดู ไอศครีมโฮมเมดรสชาติแปลกๆ เช่น งาดำ หรือ ชาโคล ขนมไทย เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ทองหยิบทองหยอด ขนมครก ฝอยทอง ผลไม้สดตามฤดูกาล และไฮไลท์สำคัญคือน้ำแข็งไสที่มีเครื่องให้ตักเยอะมากกกก
สรุป
- เป็นห้องอาหารที่สวยงาม แปลกตา และใหญ่มากๆ ชอบคอนเซ็ปของการจำลองบรรยากาศตลาดอาหาร (street markets) มาประยุกต์และปรับเป็นห้องอาหารของโรงแรมได้อย่างลงตัว
- Amaya Sunday Brunch มีสเตชั่นอาหารให้เลือกทานถึง 6 สเตชั่นหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นไทย จีน อินเดีย อาหารทะเล อิตาเลี่ยน บาร์บีคิว และขนมหวาน แต่รวมเมนูอาหารแล้วบอกได้เลยว่าเยอะมว๊าก ใครชอบอาหารทะเลรับรองว่าไม่ผิดหวังเพราะมีทุกอย่าง กุ้ง ปู หอย ปลา รวมไปถึงล็อบสเตอร์และฟัวกราส์ บอกได้คำเดียวว่า “คุ้ม” ครับ ต้องหาโอกาสกลับมาทานอีกครั้งแน่นอน
ที่ตั้ง: ห้องอาหาร Amaya Food Gallery โรงแรม Amari Watergate Bangkok ประตูน้ำ
โทร: 02-653-9000
เว็บไซต์: https://www.facebook.com/AmayaBangkok
