|
|
|
|
|
|
|
เขาว่ากันว่าช่วงเวลาที่จิตใจของเราสงบที่สุด คือช่วงเวลาที่เราจะรู้สึกผ่อนคลายที่สุด แต่ก็ใช่ว่าความสงบจิตสงบใจจะเกิดขึ้นเองได้ง่ายๆ โดยเฉพาะสังคมที่เราทุกคนดำเนินชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ ทั้งหน้าที่ การงาน การแข่งขัน หรือแม้แต่การใช้ชีวิตอยู่บนถนนอันแสนวุ่นวายของเมืองใหญ่ก็ทำให้เราหงุดหงิดใจได้แล้ว … มันก็คงดีนะหากจะมีสักที่ๆเราสามารถพาชีวิตออกมาพัก ที่ๆทำให้เราลืมความวุ่นวาย แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ลึกๆแล้ว เราก็คงถวิลหามันมากที่สุด และบ้านมะขาม บางน้ำผึ้ง (บางกะเจ้า จ.สมุทรปราการ) ก็คือจุดหมายปลายทางของเราในทริปนี้ แม้จะอยู่ใกล้กรุงเทพฯเพียงแค่แม่น้ำเจ้าพระยากั้น แต่ก็เหมือนโลกอีกใบที่เวลาเดินช้ากว่าที่ไหนๆ อาจจะเพราะที่นี่ไม่มีความเร่งรีบ ไม่มีตึกสูงระฟ้าหรือถนนเส้นใหญ่ มีเพียงพื้นป่า แมกไม้เขียวชอุ่ม ผู้คนที่เป็นมิตร … และสิ่งแรกที่เราบอกตัวเองเมื่อมายืนอยู่ตรงประตูทางเข้าก็คือ “นี่แหละสิ่งที่เราตามหา”
บ้านมะขาม เป็นบ้านพักสไตล์บ้านสวนจำนวน 6 หลัง บนพื้นที่ขนาด 3 ไร่ สร้างขึ้นบนร่องสวนดั้งเดิมของชาวบ้านบางน้ำผึ้ง ดีไซน์ของบ้านพักผ่านการคิดและออกแบบมาอย่างรอบคอบ โดยมีโจทย์ที่ท้าทายก็คือต้องรบกวนธรรมชาติและชุมชนให้น้อยที่สุด และทางทีมงานก็สอบผ่านฉลุยในเรื่องนี้ เพราะทุกอย่างที่นี่กลมกลืนไปกับภูมิทัศน์โดยรอบเสมือนเป็นหนึ่งเดียวกัน ด้วยการสร้างบ้านที่ยกพื้นสูง (คล้ายๆกับบ้านทรงไทย) และสร้างทางยกพื้นเชื่อมต่อระหว่างบ้านพักทั้ง 6 หลังไว้ด้วยกัน ทำให้ยังคงรักษาพื้นที่ร่องสวนเดิม ทางน้ำไหล และธรรมชาติรอบๆ ไว้ได้อย่างดี! ที่นี่ … วัชพืช ไม้เลื้อย และต้นไม้ใหญ่น้อยคือเจ้าบ้าน ส่วนเราคือแขกของพวกเขา
บ้านพักมีทั้งหมด 6 หลัง แบ่งเป็นบ้านสำหรับ 2 ท่าน และ 4 ท่าน อย่างละ 3 หลัง
บ้านสำหรับ 2 ท่าน ราคา 3,500 บาท/คืน และสำหรับ 4 ท่าน ราคา 5,900 บาท/คืน รวมอาหารเช้า
ดีไซน์ของบ้านมะขามผสมผสานความโมเดิร์นเข้าเอกลักษณ์ท้องถิ่นได้อย่างกลมกลืน บ้านไม้ยกสูงขนาดกะทัดรัดที่มองแว๊บแรกมีทั้งความเก๋ เท่ และมินิมอล แต่หากมองลึกลงแล้วไปจะพบว่าการออกแบบของบ้านหลังนี้แฝงไว้ด้วยรายละเอียดและความพิถีพิถัน ตั้งแต่การเลือกใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก การยกพื้นบริการห้องนอนให้สูงขึ้นเล็กน้อย การสร้างหน้าต่างไว้ระดับเดียวกับเตียงนอนทำให้ผู้เข้าพักสามารถดื่มด่ำกับวิวอันสดชื่นรอบๆ ได้เต็มอิ่ม การที่มีชานระเบียงไว้บริเวณหน้าบ้าน และด้วยจำนวนบ้านพักเพียง 6 หลัง พื้นที่ 3 ไร่แห่งนี้จึงมีแต่ความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง
บริเวณด้านหน้าสุดของบ้านมะขาม เป็นอาคารยกพื้นหลังใหญ่ ที่เปิดเป็นร้านกาแฟเล็กๆ รอต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยียนบางกะเจ้าทุกคน และก็ยังเป็นเสมือนล็อบบี้สำหรับลูกค้าที่เข้ามาพักด้วยเช่นกัน
เวลาประมาณบ่ายสามโมงเย็นเราเดินทางมาถึงบ้านมะขาม ก็พบกับพี่เก๋เจ้าของบ้านที่ออกมารอต้อนรับทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมพูดคุยแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับบ้านมะขามอย่างเป็นกันเอง ความรู้สึกแรกของเราคือราวกับได้มาพักบ้านญาติสนิท พร้อมกับเสิร์ฟเวลคัมดริ้งเป็นมะขามมิ้นต์แก้วใหญ่ ดูดแล้วชื่นใจ หายเหนื่อยจากการเดินทางได้เป็นปลิดทิ้ง สักพักเมนูอาหารที่เราไม่คุ้นตาหาก็ถูกนำมาเสิร์ฟคือเมนูม้าฮ่อ ของว่างไทยโบราณที่นับวันจะหาทานได้ยาก เป็นการต้อนรับที่อบอุ่นและอิ่มเอมใจที่สุด … ไม่เหมือนกับการเข้าพักที่โรงแรมใหญ่ๆ ไหนๆ
ก่อนจะเข้าบ้านก็ขอเติมพลังสักหน่อย กับสองเมนูอาหารแนะนำของที่นี่ ก็คือข้าวผัดน้ำพริกมะขามและข้าวผัดปลาสลิด เสิร์ฟคู่กับผักเคียงที่ให้มาอย่างไม่หวง
จากบริเวณล็อบบี้ร้านกาแฟพี่เก๋ก็นำเราเดินบนทางเดินยกระดับไปยังบ้านพักซึ่งอยู่ด้านหลัง มีรั้วเล็กๆกั้นไว้ไม่ให้ลูกค้าคาเฟ่เดินเข้ามารบกวนความเป็นส่วนตัวของลูกค้าบ้านพัก
หนึ่งในดีไซน์ที่เราชอบมากที่สุดของตัวบ้าน ก็คือหน้าต่างที่อยู่รอบทิศ (ยกเว้นมุมห้องน้ำ) ทำให้ผู้เข้าพักรู้สึกกลมกลืนไปกับธรรมชาติโดยรอบ
บริเวณหน้าเตียงนอนเป็นมุมนั่งเล่น มีโต๊ะสไตล์ญี่ปุ่นเล็กๆ พร้อมเบาะนั่งพื้นให้ได้นั่งพักผ่อน มีผลไม้ตามฤดูกาลให้ทาน น้ำดื่ม ชาสนุนไพร (ชาใบหม่อนและชาดอกกระเจี๊ยบ) และกาต้มน้ำร้อนให้
บริเวณหน้าห้องน้ำมีตู้เย็นขนาดเล็กและทีวี
ร้องเท้าสานที่เหมาะสำหรับใส่เดินบนพื้นไม้
ห้องน้ำ ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวลที่สุดเมื่อไปพักตามรีสอร์ทต่างๆ แต่เมื่อเปิดประตูห้องน้ำของที่นี่ ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวคือ “เรารอดแล้ว” เพราะเป็นห้องน้ำที่ทันสมัย กว้างขวางและสะอาด แบ่งพื้นที่โซนแห้งและเปียก โซนอาบน้ำมีกระจกใสกั้นเป็นกรอบสัดส่วน มีเครื่องทำน้ำอุ่น บริเวณหน้ากระจกมีอ่างหน้าหน้า ราวตากผ้าขนาดเล็ก ตะกร้าผ้า และตู้นิรภัย ร่วมถึงไปผ้าขนหนูสะอาด ผ้าเช็ดมือ สบู่และแชมพู
บ้านทุกหลังจะมีชานเล็กๆ อยู่ข้างหน้า สำหรับออกมานั่งเล่น อ่านหนังสือเล่มโปรด หรือนั่งพูดคุยกันช่วงเย็นๆ แดดร่มลมตก ที่มีลมอ่อนๆ พัดมาเป็นระลอก บ่ายแก่ๆของวันนี้ เราใช้เวลาอยู่ที่บ้านมะขามโดยไม่ได้ออกไปไหน เพียงเพื่อต้องการตักตวงความสุขของการพักผ่อนให้เต็มอิ่ม เรานอนเล่น นั่งเล่น ไปเรื่อย ไม่ทำไม่คิดอะไร ใช้เวลาแบบ do nothing mode ให้สุดขีด
บ้านจะตั้งอยู่ด้านละ 3 หลัง พื้นที่ตรงกลางจะมีอาคารที่จัดเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ที่แขกทุกคนสามารถมาใช้ร่วมกันได้ สามารถซื้ออาหารจากข้างนอกมานั่งทานด้วยกัน มีโต๊ะเอกประสงค์ ตู้เย็นขนาดใหญ่ ซิงค์ล้างจาน ไมโครเวฟ และถ้วย จาน ชามต่างๆ เปิดบริการ 24 ซม. ใครหิวช่วงดึกๆ ก็สามารถซื้ออาหารของมาตุนไว้ในตู้เย็นได้
ตกเย็นเราเลือกที่จะฝากท้องไว้กับครัวของบ้านมะขาม เพราะแค่ได้ยินชื่อเมนูที่พี่เก๋แนะนำ ท้องเราก็ร้องขึ้นมาทันที มื้อเย็นครัวบ้านมะขามจะมีเซ็ทอาหารให้บริการ ราคาเพียงคนละ 300 บาท (เริ่มที่ 2 คน) ในเซ็ทจะประกอบด้วยอาหารท้องถิ่นหลายอย่าง ได้แก่ น้ำใบเตย ปลาทูต้มเค็ม น้ำพริกมะขามผักสด ไข่เจียวบ้านมะขาม แกงเลียงกุ้งสด ผลไม้ตามฤดูกาล และลูกจากลอยแก้วเป็นของหวานตบท้าย
ขอรีวิวด้วยความจริงว่าอาหารทุกเมนูอร่อยและถูกปากมาก ให้ในปริมาณเยอะจนแทบทานกันไม่หมด เมนูปลาทูต้มเค็มเป็นเมนูที่แม่ผมชอบทำให้ทาน และค่อนข้างหาทานยากโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ น้ำแกงหวานๆ เค็มๆ ราดเนื้อปลาทูแน่นๆ อร่อยเหาะเลยล่ะ, ไข่เจียวเมนูง่ายๆ ที่ยังคิดในใจว่าทำไมอร่อยแบบนี้ อาจจะเพราะการใส่โหระพาลงไปด้วยทำให้หอมเป็นพิเศษ, แกงเลียง รสชาติเค็มนิดๆ แต่หอมและมีรสเผ็ดอ่อนๆจากพริกไทย หอมแดงและกะปิ พร้อมกับใส่กุ้งตัวโตๆ มาแน่นๆ, น้ำพริกมะขาม ใส่หมูสับ หอมหวานเปรี้ยวมะขามแบบเน้นๆ ทานกับผักสดที่กรอบ ‘กร้วมม’ ในปาก อร่อยและอิ่มจนแทบลุกไม่ไหวเลยคร้าบ!
ทานเสร็จก็เป็นเวลาพลบค่ำพอดี ที่นี่ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรให้ทำ นอกจากการนอนเล่นอยู่เตียงฟังเสียงจั๊กจั่นขับร้อง เราไม่แม้แต่จะเปิดทีวีดูเพราะรู้สึกว่าเสียงของทีวีอาจจะเป็นเสียงแปลกปลอมท่ามกลามความเงียบสงบของ “ธรรมชาติ” เจ้าบ้าน … เรานอนหลับไปตั้งแต่เวลาประมาณ 3 ทุ่ม ซึ่งนับว่าเป็นการนอนเร็วที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้ … จึงไม่แปลกที่จะตื่นเช้ามาอย่างสดชื่นและรู้สึกสดใสอย่างบอกไม่ถูก หรืออาจจะเพราะเสียงปลุกในเช้านี้ไม่ใช่เสียงจากมือถือ แต่เป็นเสียงนกร้องที่ฟังแล้วลื่นหูกว่าเยอะ
สำหรับมื้อเช้า เราเดินออกมาทานที่บริเวณร้านกาแฟหน้าบ้าน แม้จะไม่ใช่อาหารบุฟเฟ่ต์แต่ก็น่าทานเป็นที่สุด ในเซ็ตอาหารเช้าประกอบไปด้วยกาแฟ (สามารถเลือกได้ตามใจชอบว่าอยากทานกาแฟอะไร แบบร้อนหรือเย็น) ขนมปังปิ้งเสิร์ฟกับแยมเสาวรสโฮมเมด ข้าวต้มผัก 5 สี และไข่กระทะ
เราใช้ช่วงเวลาที่เหลือหลังมื้อเช้า ออกไปเดินเล่นสำรวจชุมชนรอบๆ ซึ่งมีหลายสถานที่และกิจกรรมที่น่าสนใจให้ทำ อาทิ
• ปั่นจักรยานเที่ยวรอบคุ้งบางกะเจ้า สามารถปั่นไปได้ถึงสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ชมความงามของสวน หรือจะขึ้นไปชมวิวบนหอชมวิวที่เป็นสัญลักษณ์ของสวนศรีนครเขื่อนขันธ์และมุมถ่ายรูปมากมาย
• เที่ยวพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย มีปลากัดหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ศึกษาหาความรู้
• เรียนทำธูปหอมจากบ้านธูป หรือ เรียนทำผ้ามัดย้อม
• สำหรับสายคาเฟ่ ก็สามารถแวะไปถ่ายรูปสวยๆ ที่ บางกอกทรีเฮ้าส์ หรือ Hiddenwood ได้
เวลาประมาณเที่ยง เราบอกลาบ้านมะขาม พร้อมกับบอกตัวเองในใจว่า “ต้องกลับมาอีกครั้งให้ได้!” สำหรับใครที่อยากหาวันพักผ่อนสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติและบรรยากาศแสนสงบ ให้ร่างกายและจิตใจได้พักอย่างเต็มที่ แต่ไม่อยากเดินทางไปไหนไกล บ้านมะขาม บางน้ำผึ้ง คือตัวเลือกที่เราขอส่งเข้าประกวดเลยครับ!
ติดต่อบ้านมะขาม
บ้านมะขาม, บางน้ำผึ้ง
38 บางน้ำผึ้ง, พระประแดง, สมุทรปราการ 10130
เบอร์โทรศัพท์: 098-828-0983
Line: @baanmakham
เว็บไซต์ www.baanmakham.com