สวัสดีครับทุกคน วันนี้ทีมงานรีวิวไทยแลนด์จะพาไปแนะนำให้รู้จักกับร้านกาแฟกลางกรุงฯ ที่คอกาแฟต้องรักเลย! นั้นก็คือร้าน Diva Licious ตั้งอยู่ที่โครงการ TAKA TOWN สุขุมวิท 39 (อยู่แถวๆ หลังตึก ItalThai) ครับ หากเดินทางโดยรถสาธารณะ สามารถนั่ง MRT มาลงสถานีเพชรบุรี และนั่งแท็กซี่หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศนั่งเรือต่อมาก็ชิวไปอีกแบบ
สำหรับผมแล้ว Diva Licious เป็นร้านกาแฟมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจร้านหนึ่ง … เอกลักษณ์ที่ผมไม่สามารถสัมผัสได้จากคาเฟ่กาแฟทั่วไปๆ รวมถึงคาเฟ่กาแฟแบรด์ดังๆ นั้นก็คือความใส่ใจในทุกรายละเอียด ที่ใส่ลงไปในทุกๆด้านของร้าน จากการตกแต่ง การคัดสรรวัตถุดิบ ไปสู่การ blend กาแฟที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ โดยหญิงสาวเจ้าของร้าน ผู้ที่หลงใหลในกาแฟเป็นชีวิตจิตใจครับ
หากมองแว็บแรกจากหน้าร้าน อาจจะคิดว่านี้คือร้านกาแฟในตึกแถวทั่วไปๆ แต่หากเมื่อได้ย่างก้าวมาข้างในแล้ว บรรยากาศการตกแต่งสไตล์ industrial ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงคั่วกาแฟแห่งหนึ่ง จะร่ายมนต์ให้คุณรู้สึกว่าเวลานั้นเดินช้าลงและรู้สึกว่าทุกอย่างในร้านนั้นมีอะไรให้ค้นหาอย่างบอกไม่ถูก จากของตกแต่งเล็กๆน่้อยๆ ไปจนถึงเมนูกาแฟต่างๆ ที่ถูกขอบอกว่าแปลกและน่าลองมากครับ!
ในความรู้สึกผม Diva Licious ไม่ใช้ร้านกาแฟที่อยากให้ลูกค้ามานั่งเงียบๆ อยู่ในมุมของตัวเอง แต่ที่นี้เป็นคาเฟ่ที่อยากให้ลูกค้าในร้านได้พูดคุยกัน ไม่ว่าจะระหว่างลูกค้าด้วยกันเอง หรือระหว่างลูกค้าและพนักงาน โดยเฉพาะลูกค้าคอกาแฟด้วยกันแล้ว รับรองว่าสามารถพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับกาแฟกันได้อย่างสนุกแน่นอน!
ที่นี้มีหลากหมายเมนูกาแฟให้เลือกสั่งครับ สำหรับมือสมัครเล่น (ที่ไม่ได้ทานกาแฟเป็นประจำเช่นผม) สามารถสอบถามเมนูแนะนำตามรสชาติและความชอบส่วนตัวจากจากบาริสต้าได้เลย หรือ จะขอให้แนะนำการจับคู่กาแฟกับอาหารก็ได้
เอกลักษณ์ที่แตกต่างของที่นี้คือการผสมกาแฟจากหลากหลายสายพันธ์ุทั่วโลก เช่น กาแฟจากอธิโอเปีย ปานามา บราซิล กับกาแฟสายพันธุ์ไทยไว้ด้วยกัน โดยแต่ละสูตรนั้นคิดค้นและเบลนด์เองโดยคุณน้ำเจ้าของร้านและบาริสต้าครับ
เริ่มต้นจากแก้วนี้เลย Shakerato กับการเบลนด์ในสูตรที่มีชื่อว่า Dream Catcher ที่ผสมกันระหว่างกาแฟจาก บราซิล กัวเตมาลา และไทย รสชาติหอมกลมกล่อม จิบแรกสัมผัสลิ้นจะเข้มอ่อนๆ และค่อยๆตามมาด้วยความหอมนุ่ม ละมุน สำหรับใครที่ชอบดื่มกาแฟเย็นต้องรักแก้วนี้แน่นอน! หากสังเกตุในรูป ที่นี้จะมีการ์ดแนบมากับกาแฟด้วยนะ โดยในการ์ดจะมีบอกว่า กาแฟมาจากที่ไหนและคาแรคเตอร์ของแต่ละชนิดกาแฟเป็นเช่นไรฮ่ะ
แก้วที่สองคือ ชาดอกกาแฟ (Coffee Flower Tea) แม้แค่ได้ยินชื่อก็ตื่นเต้นแล้ว! เป็นชาที่คั่วจากดอกกาแฟตากแห้ง กลิ่นหอมอ่อนๆ รสชาตินุ่มคอ ค่อยๆจิบ จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
อย่างที่ผมบอกว่าที่นี้ใส่ใจในรายละเอียดมาก กาแฟแต่ละเมนูจะใส่แก้วรูปทรงแตกต่างกัน สำหรับผมโดยส่วนตัว แก้วมีอิทธิพลทางใจต่อรสชาติเครื่อมดื่มมาก แก้วสวยกลมกลืนกับไปเครื่อมดื่ม มันทำให้น่าดื่ม และหากสังเกตในรูป ที่นี้ไม่ได้ใช้หลอดพลาสติกนะฮะ แต่เป็นหลอดเหล็กที่มีลักษณะเป็นช้อนในตัว โดยคุณน้ำว่าบอกว่า หลอดประเภทนี้จะทำให้ได้รสชาติกาแฟที่ดีกว่าหลอดพลาสติก
ส่วนแก้วนี้ ขอบอกว่าเป็นเมนู Signature ของทางร้าน มีชื่อว่า A Pair of Dices ความแปลกคือการนำไข่มาตีเป็นฟองกาแฟ และมีการ smock กลิ่นเครื่องดื่ม โดยทางร้านจะใส่เครื่องเทศ (คิดว่าเป็น cinnamon) ลงในเปลือกไข่และจุดไฟลงไปขณะเสริฟ เวลาดื่มเราก็จะสัมผัสได้ทั้งรสกาแฟและกลิ่นหอมของเครื่องเทศ ถือเป็นการจับคู่กันได้อย่างสร้างสรรค์ที่เดียว!
ไม่ต้องห่วงครับ นอกจากเครื่องดื่มแล้ว ที่นี้ก็มีเมนูอาหารหนักให้อิ่มท้องเช่นกัน ขอแนะนำจานนี้เลย Lemongrass Baguette ขนมปังบาแก็ตเหนียวนุ่มกำลังดี หยิกและจิ้มกับน้ำจิ้ม (น้ำจิ้มไก่สไตล์เวียดนาม) อร่อยม๊าก แนะนำๆ!
ท้ายสุดเราขอล้างปากด้วยเมนูลูกครึ่งขนมหวาน+กาแฟ Espresso Panna Cotta เอสเปรสโซเข้มๆ จากการคั่วของเมล็ดกาแฟจาก อธิโอเปีย ปานามา บราซิล และไทย ในชื่อสูตร Infinitely Blend ทานพร้อมกับพานาคอตต้านุ่มๆ คอกาแฟต้องชอบแน่นอนค้าบบ
อีกหนึ่งคะแนนขอเทให้กับเมนูอาหารเครื่องดื่ม ที่ออกแบบได้น่ารัก น่าเปิดอ่านมาก
สำหรับใครที่มองหาร้านกาแฟดีๆ บรรยากาศน่านั่ง ขอแนะนำ Diva Licius เลย รับรองไม่ผิดหวัง!
เวลาเปิดบริการ: 10 โมงเช้า – 1 ทุ่ม (ปิดวันอังคาร)
เว็บไซต์: www.divaliciouscoffeecafe.com
โทร: 085-944-9664
ติดตาม @ReviewAoii ทาง Instagram รู้ร้านอร่อยทั่วกทม. ก่อนใคร